ปรัชญาสมัยใหม่
– สมัยปัจจุบัน
ในสมัยฟื้นฟูวิทยาการ
มีผู้ที่ไม่เชื่อคำสอนของคริสต์ศาสนา
เนื่องจากได้มีการฟื้นฟูวิชาการของกรีกและโรมัน
ทำให้เกิดความคิดที่ขัดแย้งกับความเชื่อในศาสนาแต่เดิมมา มนุษย์เริ่มให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพระเจ้า
จึงทำให้เกิดพัฒนาการทางความคิดในรูปแบบที่หลากหลาย
บรรยากาศในสมัยใหม่มีลักษณะที่สำคัญหรือลักษณะเด่นคือ
มีเสรีภาพในการแสดงความคิด การวิจารณ์และการแสดงออกในด่านต่างๆ เช่น ด้านการเมือง
เศรษฐกิจ และมีเสรีภาพในการค้นคว้าทางวิชาการอย่างเสรี
เนื่องจากอำนาจของสถาบันทางศาสนาลดลง ไม่มีอิทธิพลครอบงำอย่างแต่ก่อน
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมัยฟื้นฟูวิทยาการ
ในเรื่องของวิชาการ
ซึ่งครอบคลุมถึงวิทยาศาสตร์และปรัชญานั้น
ในยุคนี้ได้เน้นถึงความสำคัญของการใช้เหตุผลในการแสวงหาความรู้
และเบนความสนใจจากสิ่งนอกเหนือธรรมชาติมาศึกษาธรรมชาติรอบๆ ตัวมนุษย์
พยายามอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยอ้างถึงสาเหตุที่อยู่ในธรรมชาติ
ตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่กล่าวถึงสาเหตุที่อยู่ในธรรมชาติ ตามหลักวิทยาศาสตร์
ไม่กล่าวถึงสาเหตุนอกเหนือธรรมชาติหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ นอกจากนั้นยังถือว่า วิชาการหรือความรู้ในสาขาต่างๆ
ที่ค้นคว้ากันขึ้นมาได้นั้น จะต้องมีจุดหมายเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
แนวคิดของปรัชญาสมัยใหม่
อาจจัดเป็นระบบที่สำคัญได้ 2 ระบบ คือ
ระบบเหตุผลนิยมและระบบประจักษ์นิยม ซึ่งความคิดในแนวแรกนั้นเห็นว่า “เหตุผล” เป็นที่มาของความรู้ ส่วนระบบหลังมีความเชื่อว่า
ความรู้ของเราได้มาจาก “ประสบการณ์”
ลักษณะสำคัญของระบบเหตุผลนิยม
นอกจากจะถือว่าเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญในการหาความรู้แล้ว ยังถือว่า “ความจริง” ซึ่งเราสามารถรู้ได้ด้วยเหตุผลนั้น
ย่อมจะต้องแน่นอน ไม่มีการเปลี่ยนแปร
ทั้งนี้เพราะการแสวงหาความรู้ของเราไม่ได้ใช้แต่ประสบการณ์ แต่ “ความจริง” ที่เรารู้ได้ด้วยเหตุผลนี้มันแฝงอยู่ในจิตของเราอยู่ก่อนแล้ว
การใช้เหตุผลทำให้เรารู้ชัดถึง “ความจริง” อันนี้
สำหรับระบบประจักษ์นิยมนั้น
มีลักษณะที่สำคัญคือ ไม่เชื่อว่า “ความจริง” ดังกล่าวนั้นแฝงอยู่ในจิตเรา ทั้งนี้เพราะพวกนี้เชื่อว่า
จิตเหมือนกระดาษเปล่า ไม่มีสิ่งใดมาแอบแฝงอยู่ก่อน
ความรู้ทั้งหลายนั้นได้จากประสาทสัมผัสหรือประสบการณ์
นอกจาก 2 ระบบนี้แล้ว ก็ยังมีปรัชญาอีกระบบหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย
นั่นคือระบบวิมัตินิยมและสัมพัธนิยมซึ่งมองว่าความจริงอยู่ที่อัตวิสัยของมนุษย์ (ชเอิญศรี
อิศรางกูล ณ อยุธยา, 2529 : 7-8)
สรุป
ปรัชญาตะวันตกมีพัฒนาการตามยุคสมัยตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ
สมัยกลาง สมัยใหม่และจนมาถึงปัจจุบัน ในแต่ละยุคแต่ละสมัย
ปรัชญาล้วนมุ่งแสวงหาสิ่งเดียวกันคือ “ความจริง” ซึ่งในแต่ละสมัยก็มีทัศนะเกี่ยวกับความจริงที่แตกต่างกัน เช่น
สมัยกรีกยุคแรกเริ่มนั้นความจริงในทัศนะของนักปรัชญาคือปฐมธาตุซึ่งเป็นสสาร ในสมัยต่อมาจึงเริ่มมีแนวคิดว่าความจริงเป็นมโนคติซึ่งเป็นจิต
และพัฒนาต่อมาถึงสมัยกลางที่ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์และมีความคิดไปในทางเดียวกันตามความเชื่อว่าความจริงสูงสุดคือพระเจ้า
และต่อมาในสมัยใหม่จนถึงสมัยปัจจุบัน ความคิดเรื่องพระเจ้าเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง
แต่ก็ยังมีคนที่เชื่อในพระเจ้าอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ปรัชญาก็กลับมาสู่การแสวงหาความจริงตามทัศนะของนักปรัชญาแต่ละคนอย่างกว้างขวางมากขึ้น
แต่หากสังเกตดูจะพบว่า ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ความจริงในทัศนะของนักปรัชญาก็แบ่งได้เป็น
3 กลุ่มเสมอ คือ กลุ่มที่เชื่อว่า ความจริงเป็นสสาร
ความจริงเป็นจิต และความจริงคือสิ่งที่มนุษย์ตัดสินโดยอัตวิสัยส่วนบุคคล
ตั้งแต่สมัยกรีกจนถึงปัจจุบัน แนวคิดเรื่องความจริงก็ยังคงดำเนินอยู่และพัฒนาการต่อเนื่องอยู่ในกลุ่มแนวความคิดเหล่านี้
_____________________________________________________________________________
อ้างอิง : ชเอิญศรี อิศรางกูล ณ อยุธยา. (2529). ปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่
พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ :
มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น