วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

ซิกมันด์ ฟรอยด์ : นักจิตวิทยาแห่งประวัติศาสตร์ (1)


    เมื่อพูดถึง ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud, 1856 — 1939) หลายท่านคงนึกถึงนักจิตวิทยาชาวออสเตรียเชื้อสายยิว ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะบิดาแห่งจิตวิเคราะห์ หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมผมจึงยกนักจิตวิทยาท่านนี้ขึ้นมาพูดถึงในบล็อกเกี่ยวกับปรัชญาประวัติศาสตร์ คำตอบก็คือ เพราะทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์นั้น เป็นแนวคิดจิตวิทยาที่ว่าด้วยประสบการณ์ในอดีตที่เป็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์แต่ละคนนั่นเอง

        ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของซิกมันด์ ฟรอยด์ อธิบายบุคลิกภาพและพฤติกรรมของมนุษย์โดยมีพื้นฐานอยู่ที่แนวคิดเรื่อง จิตสำนึก (Conscious) จิตก่อนสำนึก (Preconscious) และจิตไร้สำนึก (Unconscious) ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางจิตของมนุษย์ จิตแต่ละส่วนก็จะส่งผลต่อพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป

     จิตสำนึกแสดงพฤติกรรมที่มนุษย์คิด พูดและทำโดยรู้ตัว จิตก่อนสำนึกแสดงพฤติกรรมที่กระทำไปโดยไม่รู้ตัวในลักษณะพลั้งเผลอและเมื่อระลึกได้ก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมในทันที และจิตไร้สำนึกซึ่งเป็นส่วนที่ประสบการณ์ในอดีตถูกเก็บกดเอาไว้ ปกติแล้วจิตไร้สำนึกจะไม่แสดงพฤติกรรมออกมานอกเสียจากว่าจะมีบางสิ่งที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจ เช่น อารมณ์โกรธ เศร้า เป็นต้น และหากสิ่งที่อยู่ในจิตไร้สำนึกแสดงออกมาก็จะเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ

         นอกจากนี้ยังมี Id, Ego และ Super Ego ซึ่งทำหน้าที่ภายในสัดส่วนที่เหลื่อมล้ำกันของจิตสำนึก จิตก่อนสำนึก และจิตไร้สำนึก เป็นพลังที่มีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพด้วย

      Id เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดพร้อมกับสัญชาตญาณ เป็นพลังที่มุ่งแสวงหาความสุขและความพึงพอใจทางร่างกาย Id เกิดจากการรวมกันของสัญชาตญาณ 2 ชนิด คือ สัญชาติญาณชีวิต (Life instinct) เช่น ความต้องการอาหาร ความต้องการทางเพศ ความต้องการหลีกหนีจากอันตราย และสัญชาติญาณความตาย (Death instinct) เช่น ความก้าวร้าว หรือการทำอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เป็นต้น นอกจากนี้ Id ยังมีหน้าที่ในการขจัดความตึงเครียดด้วยกระบวนการสะท้อนซึ่งเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติต่อความตึงเครียดระดับต่ำ เช่น เมื่อคันจมูกก็จะเกิดการจาม เป็นต้น และการเติมเต็มความปรารถนาที่ยังไม่เป็นจริงด้วยมโนภาพ เช่น การฝันว่าได้ทำสิ่งที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำ เป็นต้น

       Ego เกิดจากความต้องการตอบสนองความต้องการของ Id ที่มิใช่เพียงแต่มโนภาพ แต่ด้วยสภาพความเป็นจริง Ego จะตอบสนองความต้องการของ Id ด้วยวิธีการที่มีเหตุผล เช่น เมื่อหิวก็จะหาวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อหาอาหาร เป็นต้น ดังนั้น Ego จึงทำหน้าที่ในการแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมกับกฎระเบียบของสังคมและยับยั้งพฤติกรรมที่แสดงออกจากสัญชาตญาณดิบของ Id ด้วย

        Super Ego เป็นสิ่งที่เกิดจากการเรียนรู้ในวัยเด็กจากการเปรียบเทียบค่านิยมทางศีลธรรมที่เด็กได้รับจากพ่อแม่ Super Ego มีหน้าที่ในการควบคุมพฤติกรรมในด้านศีลธรรม ความดีและความชั่ว Super Ego ประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ อุดมคติของ Ego (Ego Ideal) ซึ่งเป็นความปรารถนาใฝ่ดี และในส่วนของมโนธรรม (Conscience) ที่ใช้ในการแยกแยะผิด-ถูก และ ความดี-ความชั่ว Super Ego มีอำนาจในการสั่งให้มนุษย์กระทำตามศีลธรรมตามที่ Super Ego ได้รับการเรียนรู้มา และหากไม่ปฏิบัติตามก็จะทำให้มนุษย์เกิดความรู้สึกผิด (Guilty)

       ลักษณะบุคลิกภาพของคนเกิดจากการทำงานร่วมกันของพลัง Id, Ego และ Super Ego พลังใดมีอิทธิพลเหนือพลังอื่นย่อมเป็นตัวชี้ลักษณะบุคลิกภาพของคนนั้น เช่น ถ้าพลัง Id มีอำนาจสูง บุคลิกของคนผู้นั้นก็จะเป็นแบบเด็กไม่รู้จักโต เอาแต่ใจตัวเอง ถ้า Ego มีอำนาจสูง คนนั้นจะเป็นคนมีเหตุผล เป็นนักปฏิบัติ ถ้าหาก Super Ego มีอำนาจสูง ก็เป็นนักอุดมคตินักทฤษฎี บุคคลที่มีพลัง Ego สามารถประสานพลัง Id และ Super Ego ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีดุลยภาพจึงเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพดี

    จะสังเกตได้ว่า Super Ego ซึ่งเป็นพลังที่ควบคุมความคิดด้านศีลธรรมของมนุษย์นั้น เกิดจากประสบการณ์ในวัยเด็ก เมื่อพ่อแม่ได้ให้แนวคิดว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิดแก่ลูก โดยอาศัยกระบวนการเปรียบเทียบในจิตของลูก เช่น เมื่อลูกทำดี พ่อแม่ก็จะให้รางวัล อาจเป็นขนมหรือคำชมเชย และหากเด็กทำผิิดก็อาจถูกลงโทษ อาจถูกตำหนิ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะปลูกฝังอยู่ในจิตไร้สำนึกของเด็ก ซึ่งเด็กจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด และกลายเป็นต้นกำเนิดของพฤติกรรมและบุคลิกภาพเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จากประสบการณ์ในอดีตหล่อหลอมจนเป็นบุคคลในปัจจุบันเช่นเดียวกับแนวคิดของปรัชญาประวัติศาสตร์ครับ

          เป็นอย่างไรบ้างครับ แนวคิดจิตวิเคราะห์ของซิกมันด์ ฟรอยด์ น่าสนใจใช่ไหมครับ เนื้อหาตอนนี้อาจจะวิชาการไปสักหน่อย แต่อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ ในตอนหน้ายังมีเรื่องของฟรอยด์ต่ออีกนะครับ ในเรื่อง "ขั้นตอนการพัฒนาบุคลิกภาพ"


2 ความคิดเห็น:

  1. การศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษย์ อันดับแรกคือเราต้องศึกษาตัวตนของเราก่อน นั่นก็คือการเป็นมนุษย์ ว่าเป็นเป็นอะไร ยังไง ทำไม?
    เมื่อรู้ตัวตนแล้ว เราก็จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของเราและมนุษย์คนอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน

    ตอบลบ
  2. ฟรอยด์จะยังคงติดตามหลอกหลอนเราเสมอในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ 555+

    ตอบลบ