วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ประวัติปรัชญาและการแสวงหาความจริง ตอนที่ 2

ปรัชญาสมัยกลาง
            ปรัชญาสมัยกลาง หมายถึง ปรัชญาสมัยกลางของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาของชาวคริสต์ ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ช่วงเวลาของปรัชญาสมัยกลางคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาของปรัชญาสมัยกรีกโบราณอยู่ประมาณ 5 ศตวรรษ เพราะปรัชญาสมัยกรีกโบราณสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 529 เมื่อพระจักรพรรดิยุสติเนียน (Justinian) ออกพระราชกฤษฎีกาปิดสำนักปรัชญาทุกแห่งที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ทว่าปรัชญาคริสต์เริ่มถือกำเนิดมาจากคำสอนของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเริ่มประกาศศาสนาคริสต์ในปี ค.ศ. 28 จึงนับได้ว่าปรัชญายุคกลางเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีนั้น ระหว่างปี ค.ศ. 28-529 นักปรัชญาคนใดนับถือศาสนาคริสต์ก็จัดอยู่ในปรัชญาสมัยกลาง นักปรัชญาคนใดไม่นับถือศาสนาคริสต์ก็จัดอยู่ในสมัยกรีกโบราณ การจัดแบ่งเช่นนี้ก็เพื่อความสะดวกในการศึกษาปัญหาปรัชญาและตามปกติก็ถือว่าปรัชญาสมัยกลางเริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1 เพื่อง่ายต่อการจดจำ (กีรติ บุญเจือ, 2550 : 2)
                ปรัชญาสมัยกลางมุ่งสู่การแสวงหาความจริงสูงสุดหนึ่งเดียว คือ พระเจ้า ปัญหาแกนของปรัชญาสมัยกลางจึงเป็นเรื่องของการประนีประนอมปรัชญากรีกกับคริสตศาสนา ที่มีปัญหาเช่นนี้ก็เพราะว่า ในบรรดาผู้รับนับถือศริสตศาสนาในขณะนั้นมีจำนวนมากที่เป้นนักปรัชญา และปรัชญาที่รู้จักกันในยุโรปขณะนั้นก็คือปรัชญากรีก ในเมื่อปรัชญากรีกก็รัก คริสต์ศาสนาก็รัก ไม่อยากเห็นสิ่งที่ตนรักทั้งสองมีข้อขัดแย้งกัน จึงต้องหาวิธีอธิบายให้กลมกลืนกันโดยไม่ทำลายกัน ทั้งนี้ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1) เพื่อความสบายใจของตนเอง 2) เพื่อสามารถตอบโต้ผู้ข้องใจในคำสอนของศาสนาได้ 3) เพื่อชักชวนเพื่อนนักปรัชญาให้สนใจศาสนาเดียวกับตน (กีรติ บุญเจือ, 2550 : 3)
                คำตอบของนักปรัชญาคริสต์ต่อปัญหาดังกล่าวพอจะแยกออกได้เป็น 3 คำตอบ คือ
                1) ไม่มีการประนีประนอม ศาสนาประเสริฐกว่าปรัชญากรีกอย่างเทียบกันไม่ได้ ผู้มีศรัทธาต่อศาสนาแล้วไม่ควรมีความสนใจต่อปรัชญากรีก ไม่ว่าของใครทั้งสิ้น ความสนใจปรัชญาทำให้เสียเวลาบำเพ็ญบุญกุศล และอาจทำให้ใจไขว้เขว และลดหย่อนศรัทธาต่อศาสนาลงก็ได้ ผู้คิดเช่นนี้มีอยู่ประปรายในหมู่นักเทววิทยาประเภทใจแคบและหัวรุนแรง ชาวบ้านส่วนมากจะนิยมชมชอบในความคิดนี้เพราะปลุก เร้าศรัทธาได้ร้อนรนดี
                2) ประนีประนอมโดยใช้ปรัชญาของพลาโต้อธิบายศาสนาารกระทำเช่นนี้ค่อยเปนค่อยไป ในชั้นแรกทำกันอย่างไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ กว่าจะมั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องที่ควรกระทำอย่างยิ่งก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร โดยมีนักคิดที่สำคัญคือนักบุญออกัสติน (St. Augustine 354 - 430)

                3) ประนีประนอมโดยใช้ปรัชญาของอาริสโตเติลอธิบายศาสนา ในชั้นแรกปรัชญาของอาริสโตเติลถูกเพ่งเล็งว่าเป็นระบบปรัชญาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาคริสต์ การศึกษาปรัชญาของอาริสโตเติลจึงถือกันว่าเป็นอันตรายต่อศรัทธา ต่อมาเมื่อเกิดสงครามครูเสด ชาวคริสต์บางคนได้เห็นตัวอย่างจากนักปรัชญามุสลิมว่าสามารถใช้ปรัชญาของอาริสโตเติลอธิบายศาสนาอิสลามได้ดีกว่าปรัชญาของพลาโต้ นักปรัชญาคริสต์จึงลองดูบ้าง ในตอนแรกถูกต่อต้านอย่างหนัก จนกระทั่งนักบุญโทมัส อาไควนัส (St. Thomas Aquinas 1225 -1274) สามารถนำปรัชญาของอาริสโตเติลมาอธิบายศาสนาคริสต์ได้สำเร็จ จึงกลายเป็นแบบอย่างของการอธิบายศาสนาคริสต์ด้วยปรัชญาต่อมาจนถึงปัจจุบัน (กีรติ บุญเจือ, 2550 : 3-4)

นักบุญออกัสตินและนักบุญมอนิกา



นักบุญโทมัส อาไควนัส

ตอนต่อไปตอนสุดท้ายแล้วครับ กับปรัชญาสมัยใหม่ - สมัยปัจจุบัน
____________________________________________________________________________
อ้างอิง : กีรติ บุญเจือ. (2550). แก่นปรัชญายุคกลาง, พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น