ปรัชญาสมัยกลาง
ปรัชญาสมัยกลาง
หมายถึง ปรัชญาสมัยกลางของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาของชาวคริสต์
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ช่วงเวลาของปรัชญาสมัยกลางคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาของปรัชญาสมัยกรีกโบราณอยู่ประมาณ
5 ศตวรรษ เพราะปรัชญาสมัยกรีกโบราณสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปี
ค.ศ. 529 เมื่อพระจักรพรรดิยุสติเนียน (Justinian) ออกพระราชกฤษฎีกาปิดสำนักปรัชญาทุกแห่งที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์
แต่ทว่าปรัชญาคริสต์เริ่มถือกำเนิดมาจากคำสอนของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเริ่มประกาศศาสนาคริสต์ในปี
ค.ศ. 28 จึงนับได้ว่าปรัชญายุคกลางเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีนั้น
ระหว่างปี ค.ศ. 28-529 นักปรัชญาคนใดนับถือศาสนาคริสต์ก็จัดอยู่ในปรัชญาสมัยกลาง
นักปรัชญาคนใดไม่นับถือศาสนาคริสต์ก็จัดอยู่ในสมัยกรีกโบราณ
การจัดแบ่งเช่นนี้ก็เพื่อความสะดวกในการศึกษาปัญหาปรัชญาและตามปกติก็ถือว่าปรัชญาสมัยกลางเริ่มตั้งแต่
ค.ศ. 1 เพื่อง่ายต่อการจดจำ (กีรติ บุญเจือ, 2550 : 2)
ปรัชญาสมัยกลางมุ่งสู่การแสวงหาความจริงสูงสุดหนึ่งเดียว
คือ พระเจ้า
ปัญหาแกนของปรัชญาสมัยกลางจึงเป็นเรื่องของการประนีประนอมปรัชญากรีกกับคริสตศาสนา
ที่มีปัญหาเช่นนี้ก็เพราะว่า ในบรรดาผู้รับนับถือศริสตศาสนาในขณะนั้นมีจำนวนมากที่เป้นนักปรัชญา
และปรัชญาที่รู้จักกันในยุโรปขณะนั้นก็คือปรัชญากรีก ในเมื่อปรัชญากรีกก็รัก
คริสต์ศาสนาก็รัก ไม่อยากเห็นสิ่งที่ตนรักทั้งสองมีข้อขัดแย้งกัน
จึงต้องหาวิธีอธิบายให้กลมกลืนกันโดยไม่ทำลายกัน ทั้งนี้ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1) เพื่อความสบายใจของตนเอง 2) เพื่อสามารถตอบโต้ผู้ข้องใจในคำสอนของศาสนาได้ 3) เพื่อชักชวนเพื่อนนักปรัชญาให้สนใจศาสนาเดียวกับตน
(กีรติ บุญเจือ, 2550 : 3)
คำตอบของนักปรัชญาคริสต์ต่อปัญหาดังกล่าวพอจะแยกออกได้เป็น
3 คำตอบ คือ
1) ไม่มีการประนีประนอม
ศาสนาประเสริฐกว่าปรัชญากรีกอย่างเทียบกันไม่ได้
ผู้มีศรัทธาต่อศาสนาแล้วไม่ควรมีความสนใจต่อปรัชญากรีก ไม่ว่าของใครทั้งสิ้น
ความสนใจปรัชญาทำให้เสียเวลาบำเพ็ญบุญกุศล และอาจทำให้ใจไขว้เขว
และลดหย่อนศรัทธาต่อศาสนาลงก็ได้ ผู้คิดเช่นนี้มีอยู่ประปรายในหมู่นักเทววิทยาประเภทใจแคบและหัวรุนแรง
ชาวบ้านส่วนมากจะนิยมชมชอบในความคิดนี้เพราะปลุก เร้าศรัทธาได้ร้อนรนดี
2) ประนีประนอมโดยใช้ปรัชญาของพลาโต้อธิบายศาสนา
การกระทำเช่นนี้ค่อยเปนค่อยไป ในชั้นแรกทำกันอย่างไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่
กว่าจะมั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องที่ควรกระทำอย่างยิ่งก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร
โดยมีนักคิดที่สำคัญคือนักบุญออกัสติน (St. Augustine 354 - 430)
3) ประนีประนอมโดยใช้ปรัชญาของอาริสโตเติลอธิบายศาสนา ในชั้นแรกปรัชญาของอาริสโตเติลถูกเพ่งเล็งว่าเป็นระบบปรัชญาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาคริสต์
การศึกษาปรัชญาของอาริสโตเติลจึงถือกันว่าเป็นอันตรายต่อศรัทธา
ต่อมาเมื่อเกิดสงครามครูเสด
ชาวคริสต์บางคนได้เห็นตัวอย่างจากนักปรัชญามุสลิมว่าสามารถใช้ปรัชญาของอาริสโตเติลอธิบายศาสนาอิสลามได้ดีกว่าปรัชญาของพลาโต้
นักปรัชญาคริสต์จึงลองดูบ้าง ในตอนแรกถูกต่อต้านอย่างหนัก จนกระทั่งนักบุญโทมัส
อาไควนัส (St. Thomas Aquinas 1225 -1274)
สามารถนำปรัชญาของอาริสโตเติลมาอธิบายศาสนาคริสต์ได้สำเร็จ
จึงกลายเป็นแบบอย่างของการอธิบายศาสนาคริสต์ด้วยปรัชญาต่อมาจนถึงปัจจุบัน (กีรติ
บุญเจือ, 2550 : 3-4)
นักบุญออกัสตินและนักบุญมอนิกา
นักบุญโทมัส อาไควนัส
ตอนต่อไปตอนสุดท้ายแล้วครับ กับปรัชญาสมัยใหม่ - สมัยปัจจุบัน
____________________________________________________________________________
อ้างอิง : กีรติ บุญเจือ. (2550). แก่นปรัชญายุคกลาง,
พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ :
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น