วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

ซิกมันด์ ฟรอยด์ : นักจิตวิทยาแห่งประวัติศาสตร์ (2)


       ตอนที่แล้วผมได้พูดถึงแนวคิดจิตวิเคราะห์ของซิกมันด์ ฟรอยด์ เรื่องจิตไร้สำนึก จิตสำนึก และจิตก่อนสำนึก และเรื่องของ Id, Ego และ Super Ego ที่เป็นพื้นฐานแนวคิดเรื่องพัฒนาการของบุคลิกภาพไปแล้ว คราวนี้ผมจะขอพูดต่อเกี่ยวกับขั้นตอนการพัฒนาบุคลิกภาพ ซึ่งเช่นเดียวกัน นี่เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยประสบการณ์ในอดีต กลายเป็นบุคลิกภาพในปัจจุบัน ผมอยากเชิญชวนทุกท่านให้ลองดูกันครับว่าในชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กของท่าน ท่านมีอาการ ติดขั้น (Fixation) เพราะพัฒนาการขั้นไหนไม่สมบูรณ์หรือเปล่า เรียกได้ว่า อ่านบล็อกผมแล้วอย่างน้อยได้ทั้งความรู้ ทั้งการประยุกต์ใ้ช้ไปพร้อมๆ กันเลยครับ

                 ฟรอยด์ได้อภิปรายถึงขั้นตอนทั้ง 5 ดังต่อไปนี้
                1.  ขั้นแสวงหาความสุขจากอวัยวะปาก (Oral Stage)
         ช่วงนี้อายุโดยประมาณตั้งแต่คลอดจนถึง 18 เดือน ทารกมีความสุขในชีวิตโดยทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยปาก เช่น การดูด เคี้ยว กัด เล่นด้วยเสียง ผู้ที่พัฒนาการขั้นนี้ไม่สมบูรณ์ในช่วงวัยนี้ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยังคงชอบแสวงหาความสุขด้วยปากอยู่อีก เช่น ชอบกินจุบจิบ ชอบพูดคุย ชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง ชอบสูบบุหรี่ เป็นต้น

             2.  ขั้นแสวงหาความสุขจากอวัยวะทวารหนัก (Anal Stage)
          ช่วงนี้อายุโดยประมาณตั้งแต่ 18 เดือนถึง 3 ขวบ เป็นช่วงที่ทารกหาความสุขโดยทำกิจกรรมที่ใช้ทวารหนัก เป็นระยะที่เด็กเริ่มการฝึกการขับถ่าย การขับถ่ายนี้เป็นการจัดสาเหตุของความรู้สึกไม่สบายใจ เด็กจะรู้จักอดกลั้นก่อนที่จะได้รับความสุขอันเกิดจากการถ่ายเทความตึงเครียดที่อวัยวะขับถ่ายทิ้งไป วิธีการฝึกขับถ่ายและความรู้สึกของแม่ที่มีต่อเด็กเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าแม่ใช้วิธีฝึกอย่างละมุนละม่อม ชักจูงลูกให้ขับถ่ายบ้าง ชมเชยลูกเมื่อลูกถ่ายเรียบร้อย เด็กจะเกิดความภูมิใจเมื่อทำได้ตามที่แม่ต้องการ ตรงกันข้ามถ้าแม่ใช้วิธีการเข้มงวดกับลูกมากๆ เด็กจะเกิดภาวะติดขั้น เด็กนั้นจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีบุคลิกภาพเป็นคนเจ้าระเบียบ จู้จี้พิถีพิถัน ตระหนี่ รักความสะอาดอย่างมาก และชอบหักหาญให้ผู้อื่นได้รับความเจ็บปวด (Sadism)

             3.  ขั้นแสวงหาความสุขจากอวัยวะเพศปฐมภูมิ (Phallic Stage)
         ช่วงนี้อายุโดยประมาณตั้งแต่ 3 ถึง 6 ปี เด็กมีความพึงใจทำกิจกรรมที่เนื่องด้วยอวัยวะเพศ เช่น เล่นกับอวัยวะเพศของตน กิจกรรมนี้อาจทำให้พ่อแม่ตกใจ ควรทำความเข้าใจเสียว่าเป็นการเล่นขั้นหนึ่งในการพัฒนาการตามธรรมชาติ เมื่ออายผ่านพ้นไปแล้วเด็กก็เลิกเล่น การเล่นอวัยวะเพศมีผลต่อพัฒนาการด้านอื่น ได้แก่ การสำนึกรู้ถึงเพศของตนอย่างลึกซึ้งว่าตนเป็นหญิงหรือชาย ต่อไปก็เลียนบทบาททางเพศ คือเด็กเลียนแบบผู้ใหญ่เพศเดียวกับตน ซึ่งตนรู้สึกรัก ใกล้ชิดสนิทสนม ถ้าตัวแบบนั้นเป็นพ่อแม่ของตน จะเป็นยุค เด็กชาย ติดแม่และ เอาอย่างพ่อเป็นพิเศษ ในเพศกลับกัน เด็กหญิง ติดพ่อและ เอาอย่างแม่เป็นพิเศษเช่นเดียวกัน ช่วงเวลานี้ฟรอยด์เชื่อว่าเป็นช่วงเวลาวิกฤตสำหรับเลียนบทบาททางเพศให้คล้อยตามเพศของตนเอง เด็กหญิงเด็กชายที่ละเลยการเลียนแบบให้ถูกแนวในระยะเวลานี้ จะโตเป็นหญิงสาวชายหนุ่มที่นิยมแบบบทบาททางเพศตรงข้ามกับเพศทางกายจริงของตน ฟรอยด์ยังเชื่อว่าการรู้จักผูกรักกับเพศตรงข้ามมีต้นกำเนิดในช่วงเวลานี้เช่นกัน และเขายังอธิบายว่า ปมเอดิปัส(Oedipus Complex) เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ พร้อมๆ กับการเลียนบทบาททางเพศ เด็กเริ่มพัฒนาความก้าวร้าว อยากเป็นตัวของตัวเอง และเริ่มแสวงหาอัตลักษณ์แห่งตน (Self Identity)

            4.  ขั้นแสวงหาความสุขจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว (Latency Stage)
        ช่วงนี้อยู่ระหว่างอายุประมาณ 6 ถึง 11 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาพักพัฒนาทักษะใหม่ พัฒนาการส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นไปอย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ระยะเวลานี้เด็กเริ่มพัฒนาชีวิตสังคมนอกครอบครัว ดังนั้น จึงแสวงหาความพึงพอใจจากการติดต่อกับผู้คนรอบตัวและเพื่อนร่วมวัย เพื่อนสนิทเป็นคนเพศเดียวกันมากกว่าคนต่างเพศ ทั้งนี้ เป็นการสืบเนื่องจากการเลียนและเรียนบทบาททางเพศต่อออกไปจากขั้นที่ 3 ที่กล่าวมาแล้ว

            5.  ขั้นแสวงหาความสุขจากแรงกระตุ้นของทุติยภูมิทางเพศ (Genital Stage)
           เด็กอายุประมาณ 12 ถึง 20 ปี ย่างเข้าสู่วับรุ่นและเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ลักษณะทุติยภูมิทางเพศบรรลุวุฒิภาวะสมบูรณ์ทำงานได้เต็มที่ (เช่น เด็กหญิงมีระดู หน้าอกขยาย รังไข่ผลิตไข่เพื่อสืบพันธุ์ เด็กชายถึงวัยผลิตน้ำอสุจิ ฯลฯ) เด็กทั้งสองเพศมีความสนใจคบหาสมาคม รักใคร่ผูกพันกับเพื่อนต่างเพศ ขณะเดียวกันก็พยายามประพฤติตนให้สมบทบาททางเพศ โดยเลียนแบบคนเพศเดียวกันที่ตนนิยม ระยะนี้มักเห็นเด่นชัดว่าเด็กคนใดแสดงบทบาททางเพศผิดปกติ พวกนี้ได้แก่ผู้นิยมแสดงบทบาททางเพศตรงข้ามเพศจริงของตน อีกพวกหนึ่งคือเด็กที่ไม่มีเยื่อใยต้องใจบุคคลต่างเพศ หรือเป็นเด็กเลียนแบบบทบาททางเพศจากคนต้นแบบที่ผิด ฟรอยด์เชื่อว่าหากเด็กมีพัฒนาการในขั้นที่ 1-3 ที่สมบูรณ์จะทำให้สามารถผ่านปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นที่ 5 ได้ง่ายขึ้น


       เมื่อเด็กพัฒนาถึงขั้นที่ห้าแล้ว มิได้หมายความว่าเลิกแสวงหาความสุขจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ทางปาก ทางทวารหนัก ที่ผ่านมาแล้วในวัยต้น ยังอาจแสวงหาความสุขแบบนั้นต่อไป แต่ลดความติดใจและความเข้มข้นลง ผู้ที่พัฒนาตามขั้นไม่สมบูรณ์ก็เกิดภาวะติดขั้นอยู่มากน้อยต่างกันไปในรายบุคคล และอาจเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมแอบแฝงรูปแบบต่างๆ หรือเปลี่ยนเป็นรูปแบบอย่างอื่นทางอ้อม เป็นไปได้ทั้งพฤติกรรมทางบวกและทางลบ

    บุคคลใดพัฒนาไปตามขั้นตอนดังกล่าวด้วยดี ก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่สมบูรณ์ หากไม่เป็นไปดังกล่าวก็จะเกิดสภาวะ ติดขั้น(Fixation) ซึ่งเป็นการติดข้องอยู่ในขั้นใดขั้นหนึ่งหรือหลายขั้นก็ได้ ผู้ใดติดข้องอยู่ในวัยใด ขั้นใด ก็จะยังคงแสวงหาความพอใจในขั้นที่ติดข้องอยู่ต่อไป แม้ว่าจะผ่านวัยนั้นๆ ที่เป็นไปตามขั้นตอนมาแล้ว สภาพ ติดขั้น มีผลต่อพัฒนาการด้านบุคลิกภาพในแง่ลบ แต่บุคคลสามารถเปลี่ยนพลังนี้ให้เป็นบวกได้หากเขารู้จักปรับตัว

           เป็นอย่างไรบ้างครับอ่านจบแล้วพอจะทราบหรือยังครับว่าบุคลิกภาพหรือพฤติกรรมบางอย่างของท่านมันมีที่มาโดยที่ท่านไม่รู้ตัว ตนนี้รู้แล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ ยอมรับและพยายามแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อจะได้มีชีวิตที่มีความสุขครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. คำถาม- แล้วคุณล่ะ จะแสวงหาความสุขด้วยวิธีไหน?
    (ปล.ตอบมากกว่า 1 ข้อก็ได้นะครับ ☺)

    ตอบลบ
  2. ขอเลือกคำตอบจากคำถามข้างบนแล้วกันนะครับผม.....
    .....เปลี่ยนใจและ กลัวตอบไปแล้วเลือกเหมือนคนเขียนบทความ 555+

    ตอบลบ