วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ประวัติปรัชญาและการแสวงหาความจริง ตอนที่ 1

ประวัติปรัชญาและการแสวงหาความจริง
(History of Philosophy : Searching for truth)
                ปรัชญาเป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกสาขาหนึ่ง ปรัชญาถือเป็นศาสตร์แรกเริ่ม เป็นศาสตร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาแห่งศาสตร์ทั้งปวง มีศาสตร์ที่แตกแขนงออกมาจากปรัชญามากมาย ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าปรัชญาเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไร ใครเป็นผู้คิดค้นศาสตร์นี้ขึ้น แต่เท่าที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ปรัชญาเกิดขึ้นในสมัยกรีกราว 600 ปีก่อนคริสตกาล

ปรัชญาสมัยกรีก
            ชาวกรีกเป็นชนเผ่ามหัศจรรย์ผู้มีอัจฉริยภาพในวิทยาการหลายแขนง อารยธรรมกรีกเป็นมรดกล้ำค่าของโลกที่ชาวยุโรป และอเมริกานำมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จงดงาม โลกตะวันตกแผ่รัศมีทับโลกซีกตะวันออกได้ก็เพราะชาวยุโรปรู้จักพัฒนาวิทยาศาสตร์ การเมือง ศิลปะ และวรรณกรรมที่ตนรับสืบทอดมาจากชาวกรีก  ไม่เพียงเท่านั้น ชาวยุโรปยังทรงภูมิปัญญาสูงส่งไม่แพ้ชาวจีนและอินเดีย ทั้งนี้เพราะอิทธิพลของปรัชญากรีก ปรัชญาตะวันตกสมัยปัจจุบันก็มีวิวัฒนาการสืบเนื่องมาจากปรัชญากรีกนี้เอง (พระราชวรมุณี, 2544 : 17)
                ชาวกรีกที่กำลังพูดถึงนี้คือ ประชาชนเผ่าหนึ่งผู้เคยใช้ชีวิตจริงอยู่บนพื้นพิภพเมื่อประมาณสามพันปีมาแล้ว นครรัฐกรีกกระจัดกระจายอยู่ในดินแดนที่ปัจจุบันได้กลายเป็นพรมแดนของประเทศตุรกี กรีก และอิตาลี ชาวกรีกสมัยนั้นไม่ได้รวมกลุ่มเป็นประเทศเดียวกัน หากแต่แยกกันอยู่เป็นประเทศเล็กประเทศน้อย ต่อมาเมื่อเกิดศึกสงครามกับเปอร์เซีย นครรัฐต่างๆ จึงจับมือกันทำสงครามกับผู้รุกรานเป็นคราวๆ ไป บรรดานครรัฐเหล่านั้น เอเธนส์และสปาตาร์ทรงเกียรติภูมิโดดเด่นเป็นเอกเหนือนครรัฐทั้งหลาย (พระเมธีธรรมาภรณ์, 2532 : 17)
                ปรัชญากรีก หมายถึงปรัชญาของชาวกรีกผู้มีภูมิลำเนาอยู่ตามนครรัฐต่างๆ ประวัติปรัชญากรีก เริ่มต้นในราวปี 600 ก่อนคริสตกาล อันเป็นเวลาที่ ธาเลส นักปรัชญากรีกคนแกเริ่มเผยแพร่ปรัชญาของเขา ยุคปรัชญากรีกไปสิ้นสุดเอาในปี ค.ศ. 529 เมื่อพระจักรพรรดิยุสติเนียน (Justinian) ออกพระราชกฤษฎีกาปิดสำนักปรัชญาทุกแห่งที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์ รวมเวลาที่ปรัชญากรีกโบราณมีโอกาสพัฒนาติดต่อกันได้ถึง 1,129 ปี (พระราชวรมุณี, 2544 : 30-31)
                ปรัชญาสมัยกรีกแบ่งออกเป็น 3 สมัยด้วยกัน คือ
                1) สมัยเริ่มต้น นับตั้งแต่ธาเลสเริ่มเผยแพร่ปรัชญา จนถึงการปรากฏตัวของโสคราตีส (ประมาณ ก.ค.ศ. 585 - 450) ในยุคสมัยนี้นักปรัชญามุ่งแสวงหาความจริงในเรื่องของ ปฐมธาตุว่าธาตุแรกเริ่มของโลกนี้คืออะไร เช่น ธาเลส เสนอแนวคิดว่า ปฐมธาตุคือน้ำ, อานักซิเมเนส เสนอว่า ปฐมธาตุคืออากาศ, พิธากอรัส เสนอว่า จำนวนเลข (Number) เป็นลักษณะสำคัญของสรรพสิ่งในโลก, เฮราคลีตุส เสนอเรื่องความเปลี่ยนแปลงและเสนอว่าปฐมธาตุคือไฟ, มาร์มีนีเดส เสนอว่า ปฐมธาตุคือภาวะ (Being) และเดมอครีตุส เสนอว่า ปฐมธาตุคืออะตอม (Atom) เป็นต้น
                2) สมัยรุ่งเรือง นับตั้งแต่การปรากฏตัวของโสคราตีส จนถึงมรณกรรมของอาริสโตเติล (ประมาณ ก.ค.ศ. 450 - 322) โปรแทกอรัสแห่งโสฟิสต์เห็นว่าแนวคิดเรื่องปฐมธาตุมีความหลากหลายตามแต่ทัศนะของแต่ละคน จึงเสนอแนวคิดว่า มนุษย์เป็นเครื่องวัดสรรพสิ่ง(Man is the measure of all things.) ความจริงของสิ่งต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินของแต่ละคน ต่อมาโสคราตีสเสนอแนวคิดว่า ความจริงต้องมีลักษณะเป็นสากลซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดของโสฟิสต์ แนวคิดของโสคราตีสมีอิทธิพลต่อพลาโต้ลูกศิษย์ของท่านเป็นอย่างมาก พลาโต้เสนอแนวคิดว่าความจริงคือ มโนคติ (Idea) หรือแบบ (Form) ซึ่งอยู่ในโลกแห่งมโนคติ สิ่งที่อยู่บนโลกนี้เป็นเพียงสิ่งจำลองจากมโนคติเท่านั้น จากแนวคิดนี้อาริสโตเติ้ลลูกศิษย์ของท่านมีแนวคิดเหมือนกันคือ แบบเป็นสาระ (Substance) หรือสารัตถะ (Essence) ของสรรพสิ่ง แต่ท่านก็แย้งว่า ถ้ามีเพียงสิ่งสากลที่อยู่ในโลกมโนคติเท่านั้นที่เป็นจริง ก็จะอธิบายเรื่องการมีอยู่ของสิ่งเฉพาะไม่ได้ ดังนั้นโลกแห่งมโนคติจึงไม่มีจริงและความจริงของสรรพสิ่งหรือแบบนั้นก็อยู่ภายในสิ่งเฉพาะนั่นเอง

                3) สมัยเสื่อม นับตั้งแต่มรณกรรมของอาริสโตเติล จนถึงการปิดสำนักปรัชญาที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์ (ประมาณ ก.ค.ศ. 322 - ค.ศ. 529) ในสมัยนี้ไม่มีแนวคิดปรัชญาใหม่มากนัก เป็นการรับอิทธิพลทางความคิดมาจากนักปรัชญาในสมัยก่อนหน้านี้ เช่น เอปิคิวรุสเห็นด้วยกับเดมอคริตุสว่าปฐมธาตุคืออะตอม, สำนักสโตอิกเชื่อว่าปฐมธาตุคือไฟเช่นเดียวกับเฮราคลีตุส, โพลตินุสนำเอาแนวคิดของพลาโต้มาต่อยอดว่าความจริงสูงสุดคือ พระเจ้า หรือ เอกัตตะ (The One) ซึ่งอยู่ในอีกโลกหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในโลกนี้เป็นสิ่งที่ล้นออกมาจากเอกัตตะ


ภาพพลาโต้ (ซ้าย) และ อาริสโตเติล (ขวา) 
ตอนหน้าเดี๋ยวมาต่อที่ปรัชญาสมัยกลางครับ กลัวว่ายาวไปเดี๋ยวคนไทยไม่อ่าน :)
____________________________________________________________________________
อ้างอิง : พระเมธีธรรมาภรณ์. (2532). ปรัชญากรีกโบราณ ตอนที่ 1-2. กรุงเทพฯ : อมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ.
               พระราชวรมุณี. (2544). ปรัชญากรีก : บ่อเกิดภูมิปัญญาตะวันตก, พิมพ์ครั้งที่ 5.  กรุงเทพฯ: ศยาม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น