“แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป...แต่มิตรภาพของลูกผู้ชายไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ในสมัยเด็กๆ
ผมเรียนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดปราจีนบุรี สมัยนั้นผมถูกจัดว่าอยู่ในกลุ่มเด็กเรียน
(ถึงขั้นเนิดเลยครับ ไร้เดียงสามากๆ) ทำให้สิ่งที่ขาดไปในวัยเด็กของผม คือ
การเล่นซนระคนแสบแบบที่เพื่อนๆ วัยเดียวกันเขาเล่นกัน แต่ชีวิตในวัยเด็กของผมก็ไม่ถือว่าน่าเบื่อสักทีเดียว
ผมก็มีเพื่อนกลุ่มเด็กเรียนด้วยกันนี่แหละสัก 3-4 คน
ที่ทุกวันเราจะมานั่งจับกลุ่มคุยกันตอนช่วงพักกลางวัน
ไม่ได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมได้ก้าวเข้าสู่โลกใหม่
วันหนึ่ง(ผมเองก็จำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไร
เดือนอะไร)ตอนที่ผมอยู่ชั้นป.5 ขณะที่ผมนั่งคุยเล่นอยู่กับเพื่อนเด็กเรียนในศาลาล้อเกวียน
ก็มีผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิดมาก่อน "เป้" เพื่อนร่วมชั้นของผมนั่นเอง
ผมยังจำสภาพเป้ในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี อ้วน ดำ แว่นหนาเตอะ
เท่าที่จำได้ก่อนการเผชิญหน้ากันครั้งนั้นผมแทบจะไม่เคยคุยกับเป้เลย
แต่วันนี้เป้มานั่งยิ้มร่าอยู่ในศาลาเดียวกับผมและเริ่มเล่านิทานเรื่อง
"ไอ้บ้า" เป็นนิทานแบบอิมโพรไวส์ (Improvise) คือแต่งสดๆ ณ ตรงนั้นเลย
ผมนั่งฟังเป้เล่าอย่างตั้งใจ พร้อมกับหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งกับเรื่องที่เป้เล่า
(มาคิดดูตอนนี้หมอนี่มันมีจินตนาการสูงมาตั้งแต่เด็กแล้วสินะ ถึงว่าเดี๋ยวนี้มันทำแอนิเมชั่นเก่งมาก)
หลังจากวันนั้นผมก็กลายเป็นแฟนนิทานซีรี่ส์ "ไอ้บ้า" และขอให้เป้เล่าภาค
2 ภาค 3 ภาค 4 ฯลฯ ต่ออีกในวันต่อๆ มา
และในที่สุดผมก็ย้ายสำมะโนครัวจากกลุ่มเด็กเรียน ย้ายไปสมัครเข้ากลุ่มเพื่อนของเป้
อันประกอบด้วย เป้ ปี๊ด แป๊บ (ป.ปลาล้วนๆ เลย)
จึงเกิดการประชุมภายในขึ้นเพื่อรับรองสมาชิกใหม่ เพราะผมชื่อ เพนท์ ขึ้นต้นด้วย
พ.พาน การรับสมาชิกใหม่จะส่งผลกระทบต่อชื่อแก๊งค์ 3ป. แต่ในที่สุดเพื่อนๆ
ก็รับผมเข้ากลุ่มโดยอนุโลม (ภายหลังผมไปปรึกษาพ่อของผมแล้วท่านตั้งชื่อให้ให้แบบอินเตอร์ว่าแก๊งค์
4P.) เมื่อผมเข้าเป็นสมาชิกแก๊งค์นี้ผมจึงมีเพื่อนใหม่อีก
2 คน คือ “ปี๊ด”กับ“แป๊บ” ปี๊ดเป็นเพื่อนซี้สุดๆ
กับเป้ขนาดที่เรียกชื่อพ่อแทนชื่อจริงกันเลยทีเดียว ส่วนแป๊บเป็นคนที่ซาบซึ้งในพระพุทธศาสนามาก
ทุกซัมเมอร์แป๊บจะไปบวชเณรฝากตัวเป็นลูกศิษย์ที่วัดแห่งหนึ่งเป็นประจำจนเพื่อนๆ
ขนานนามให้ว่า “มหา” โดยที่ไม่ต้องจบเปรียญธรรม
3 ประโยคกันเลยทีเดียว ผมได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับแก๊งค์
4P. นี้ซึ่งต่างกับกลุ่มจับเข่าคุยโดยสิ้นเชิง
ทุกๆ วันตอนพักกลางวันเราจะรวมตัวกันที่ฐานทัพบริเวณใกล้กับที่ดื่มน้ำ
(ที่จริงถึงจะเรียกว่าฐานทัพแต่มันก็เป็นโต๊ะยาวที่มีเก้าอี้เท่านั้นเอง)
กิจกรรมของกลุ่มเราบางทีก็วิ่งเล่นกัน
บางทีก็เล่นอะไรแบบที่กำลังเป็นกระแสนิยมช่วงนั้น เช่น
เอาสติ๊กเกอร์สะสมลายดราก้อนบอลมาเขี่ยทับกัน เอามาตบแปะกัน
หรือเอามาฟาดกับโต๊ะเรียกว่าตีไก่ ก็สนุกสนานกันไปตามประสาเด็ก ผมอยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้จนถึงชั้นมัธยมต้น
ปี๊ดก็มีอันต้องย้ายโรงเรียนไป (ไกลมากตรงข้ามกันเลยแค่คนละฟากแม่น้ำปราจีนบุรี) พอเรียนจบชั้นมัธยมต้นพวกเราก็ไปเรียนที่โรงเรียนเดียวกับปี๊ดอีก
(ปราจีนบุรีมันมีแค่นี้
จบม.ต้นโรงเรียนนี้ก็ข้ามฟากไปเรียนม.ปลายหรืออาชีวะฝั่งตรงข้าม) แต่ก็ไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน
เลยไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนแต่ก่อน ถ้าเจอกันส่วนใหญ่ก็เป็นที่ร้านเกมตอนเลิกเรียนหรือในเกมออนไลน์ (สมัยนั้นfacebookยังไม่เกิดครับ) แต่ยกเว้นแป๊บคนนึงเพราะมันธรรมะธรรโมไม่เล่นเกม
ก็เป็นแบบนี้เรื่อยมาจนกระทั่งจบม.ปลาย เราก็ต้องแยกย้ายกันไปจริงๆ เป้ไปเรียนต่อสาขาคอมพิวเตอร์เกมและมัลติมีเดียที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านเมืองเอก
ปี๊ดไปเรียนต่อบัญชีที่มหาลัยแห่งหนึ่งแถวศรีราชา
ส่วนแป๊บขึ้นเหนือไปเรียนนิติศาสตร์ที่เชียงใหม่ เราเลยไม่ได้รวมกลุ่มกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกเลย...
จนมาถึงวันนี้ต่างคนก็ต่างทำงานยิ่งไม่ได้เจอกันเข้าไปใหญ่ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป คือ มิตรภาพของพวกเรา ตอนนี้ “เป้” ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลีย เมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมา เป้บินกลับมาเมืองไทย หลังจากอาการเมาเครื่องยังไม่หายดีก็สวมหมวกและหนวดซานตาคลอสบิดมอเตอร์ไซค์แฟนธ่อมคันเก่งมาหาผมที่สนามบาสเก็ตบอล พร้อมกับไวน์อย่างดี 1 ขวด (ซึ่งผมไม่ได้กิน เพราะน้องผมมันแอบเปิดกินตอนผมไปฝึกงานภาคฤดูร้อน แต่จากคำให้การของจำเลย มันบอกว่าอร่อยมาก) แล้วเราก็ไปกินเนื้อย่างรำลึกความหลังกัน ทุกวันนี้ผมก็ได้คุยกับเป้ทุกวันผ่านทาง Facebook (ขอบคุณพี่มาร์ค ซักเกอร์เบอร์กมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) “ปี๊ด” ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมแถวชลบุรี ถึงแม้นานๆ ผมจะผ่านไปแถวนั้นสักที แต่ถ้าเราว่างตรงกันพอดี ปี๊ดจะขับรถมารับผมไปกินข้าวนั่งคุยระลึกความหลัง บางครั้งผมก็บุกไปนอนถึงบ้านมันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าทุกครั้งที่มันกลับมาบ้านที่ปราจีนบุรีมันจะต้องโทรมาถามผมว่าอยู่บ้านไหม ไปหาอะไรกินกันเสมอ (แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยอยู่นี่สิ) “แป๊บ” ค้นพบหนทางใหม่ของชีวิตเปลี่ยนจาก “นักบิณฑ์” มาเป็น “นักบิน” กำลังเรียนเป็นคนขับเครื่องบินอยู่ครับ ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานแสนนาน บางทีไม่ได้คุยกันเป็นเดือนเป็นปี แต่มิตรภาพก็ไม่เคยจางหาย “เพื่อนเป็นแล้วรักษาไม่หายจริงๆ ครับ”
ปล. รักและคิดถึงเพื่อนแก๊งค์ 4P. ครับ เมื่อไหร่เราจะมารวมกันครบแก๊งค์อีกหนอ
จนมาถึงวันนี้ต่างคนก็ต่างทำงานยิ่งไม่ได้เจอกันเข้าไปใหญ่ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป คือ มิตรภาพของพวกเรา ตอนนี้ “เป้” ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลีย เมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมา เป้บินกลับมาเมืองไทย หลังจากอาการเมาเครื่องยังไม่หายดีก็สวมหมวกและหนวดซานตาคลอสบิดมอเตอร์ไซค์แฟนธ่อมคันเก่งมาหาผมที่สนามบาสเก็ตบอล พร้อมกับไวน์อย่างดี 1 ขวด (ซึ่งผมไม่ได้กิน เพราะน้องผมมันแอบเปิดกินตอนผมไปฝึกงานภาคฤดูร้อน แต่จากคำให้การของจำเลย มันบอกว่าอร่อยมาก) แล้วเราก็ไปกินเนื้อย่างรำลึกความหลังกัน ทุกวันนี้ผมก็ได้คุยกับเป้ทุกวันผ่านทาง Facebook (ขอบคุณพี่มาร์ค ซักเกอร์เบอร์กมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) “ปี๊ด” ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมแถวชลบุรี ถึงแม้นานๆ ผมจะผ่านไปแถวนั้นสักที แต่ถ้าเราว่างตรงกันพอดี ปี๊ดจะขับรถมารับผมไปกินข้าวนั่งคุยระลึกความหลัง บางครั้งผมก็บุกไปนอนถึงบ้านมันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าทุกครั้งที่มันกลับมาบ้านที่ปราจีนบุรีมันจะต้องโทรมาถามผมว่าอยู่บ้านไหม ไปหาอะไรกินกันเสมอ (แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยอยู่นี่สิ) “แป๊บ” ค้นพบหนทางใหม่ของชีวิตเปลี่ยนจาก “นักบิณฑ์” มาเป็น “นักบิน” กำลังเรียนเป็นคนขับเครื่องบินอยู่ครับ ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานแสนนาน บางทีไม่ได้คุยกันเป็นเดือนเป็นปี แต่มิตรภาพก็ไม่เคยจางหาย “เพื่อนเป็นแล้วรักษาไม่หายจริงๆ ครับ”
4P เราว่ามีความหมายอื่นแอบแฝงแน่ๆ อ่ะ เราเชื่อเช่นนั้น ฮ่าๆๆ
ตอบลบ4P. มาจาก Paint, Pae, Peed, Pap ต่างหาก ไม่ใช่ 4P. อย่างที่เธอคิดแน่ๆ >___<
ลบสวยยอดเรยอะ
ตอบลบสวดยอดนี่เหมือน สวดภาวนามั้ยอะ
ลบแบ่งปันซะเห็นภาพเลยนะครับ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะคิดฮอดเพื่อนๆที่เคยเรียนด้วยกันสมัยอยู่ชั้นประถมและมัธยม อยากกลับไปเจอเพื่อนอีกครั้ง
ตอบลบนั่นสิ ว่าแล้วก็อยากรวมรุ่นจัง
ลบครบแล้วจะคอมเม้นต์ดีไหมเนี่ย
ตอบลบแก๊งค์สี่พีดีจังแฮะ
เม้นๆ ไปเถอะ 555+
ลบต้นตำนานแก้งค์ เกรียนที่เป็น ตำนานผู้สร้างเพทใหญ่ๆในปัจจุบันสินะ
ตอบลบ555 แต่ชอบตรงที่มิตรภาพเนี้ยหละ เยี่ยมมมมม
การ์ตูนลูกผู้ชายมันต้องมี เลือด หยาดเหงื่อ น้ำตา และมิตรภาพ ถึงจะครบองค์ประกอบ 555+
ลบมิตรภาพเป็นสิ่่งที่ลำ้ค่า จงรักษาไว้ให้ดีนะครับ เป็นบทความที่ดีมากครับ
ตอบลบ^_^ อ่านแล้วแอบคิดถึงเพื่อนๆมั่ง แงๆๆๆๆ T_T
ตอบลบมิตรภาพล้ำค่าเสมอเนาะพี่ ^^
ตอบลบสมัยนั้น 70 นะโครตแพงเลยนะ -0 -
ตอบลบแล้วตอนนี้ยังอยู่ไหม๊ ตัวนั้นอะ